การอยู่กลางตารางคะแนนไทยลีก 2019 พร้อมระยะห่างไม่กี่แต้มจากกลุ่มผู้นำ
สะท้อนให้เห็นถึงผลงานที่ดีอย่างเป็นรูปธรรมของสวาทแคท สโมสรฟุตบอลนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ได้อย่างชัดเจน
แต่ยังมีเรื่องติดค้างในใจแฟนบอลและผู้สันทัดกรณีหลายคนว่า ถ้าทีมโคราชมี “กองกลางตัวรุก”
ที่ทำหน้าที่ได้ชัดเจนกว่านี้ น่าจะช่วยเก็บคะแนนให้ทีมได้เพิ่มขึ้น และน่าจะส่งผลให้ทีมขึ้นไปอยู่ในอันดับที่ดีได้มากกว่านี้
หนึ่งในชื่อที่แฟนบอลโคราชหลายคนคิดถึงนั่นคือ “เก็ตโด้” ชนัตพล สิกขะมณฑล กองกลางของทีมที่เล่นได้ทั้งเกมรุก
และเชื่อมเกมรับได้อย่างดีว่า ถ้าเขาไม่หายจากสนามไปนานถึงครึ่งปีแบบนี้ น่าจะมีโอกาสช่วยสร้างสรรค์ผลงานให้ทีมได้
#นาทีเปลี่ยนชีวิต
“ผมเจ็บในเกมอุ่นเครื่องก่อนเปิดฤดูกาลครับ” ชนัตพลเริ่มเกริ่นถึงเหตุการณ์ที่เขาได้รับบาดเจ็บในเกม Leo Pre-Season 2019
ที่สวาทแคทออกไปเยือน หนองบัว พิชญ เมื่อวันที่ 12 มกราคม ที่ผ่านมา
“ตอนนั้นเป็นนาที 28 ผมจำได้แม่นเลยว่า เป็นจังหวะพลิกตัว แล้วไม่แน่ใจว่า เพราะหญ้ายาว หรือดินยวบลงไป
พอเหยียบลงไปเต็มที่ก็ทำให้เสียหลักล้มพับลงไป
คุณหมออธิบายให้ฟังว่า เกิดจากการที่เข่าชี้ไปอีกทาง แล้วตัวผมกลับตัวอย่างรวดเร็วไปอีกทาง ทำให้เข่าบิด
ชิ้นส่วนในเข่ามันเฉือนกัน ทำให้เอ็นไขว่หน้าเข่าซ้ายขาด 100% ครับ”
จากนักฟุตบอลที่ไม่เคยประสบปัญหาอาการบาดเจ็บหนักมาก่อน “เจ็บหนักที่สุดในชีวิตของผมก็ตอนที่เปิดบ้านชนะอาร์มี่ 1-0 ปี 2016
ที่ปากแตกในสนามตั้งแต่ครึ่งแรก เลยตัดสินใจเย็บ 7 เข็มที่ข้างสนาม แล้วกลับมาเล่นต่อจนจบเกม นอกนั้นก็ไม่เคยมีอะไรครับ เจ็บไม่หนักพัก 3 วัน
ก็กลับมาซ้อมได้” เป็นคำบอกเล่าที่ย้ำว่า อาการบาดเจ็บครั้งล่าสุดเป็นครั้งที่รุนแรงที่สุดในชีวิตของเขา
เก็ตโด้บรรยายความรู้สึกในชั่วขณะนั้นว่า “ตอนที่ล้มรู้สึกได้เลยครับว่าแปลกกว่าทุกครั้ง เพราะมีเสียงลั่นดังออกมาจากในเข่าเลย เสียงดัง “ป้อก”
เหมือนเชือกขาดอ่ะครับ ตอนนั้นก็สะท้านไปทั้งเข่า เลยทิ้งตัวนอนไปเลย ขาซ้ายก็ไม่มีแรงทันที ตอนนั้นผมคิดในใจเลยว่า ไม่เคยเป็นแบบนี้เลย
แล้วขาก็ยกไม่ขึ้น เลยส่งสัญญาณขอเปลี่ยนตัวออกดีกว่า”
“วันรุ่งขึ้นผมเลยตัดสินใจไปหาหมอ ทำ MRI ทันที หมอบอกว่า อาการแบบนี้เป็นเฉพาะที่เอ็นนะ โชคดีที่หมอนรองกระดูกไม่แตก
อันที่จริงตอนนั้นผมก็เดินได้ปกตินะครับ ซึ่งหมอก็บอกว่า ถ้าเป็นคนปกติก็ไม่จำเป็นต้องผ่าตัด เพราะสามารถเดินเหินใช้ชีวิตได้ตามปกติ
แต่สำหรับนักฟุตบอลที่ต้องวิ่งหนักๆ กระชากตัว พลิกตัว แบบนี้ต้องผ่า เพราะเอ็นฉีกขาดแบบ 100% ตั้งแต่ในสนามมาเลย
ซึ่งถ้าเป็นหมอนรองกระดูกต้องพักต่อไปอีก 8 เดือนเป็นอย่างน้อย เพราะต้องเย็บซ่อมหมอนรองกระดูกด้วย”
#ผ่าตัดเรียบร้อยแต่กลับไร้กำหนดคืนสนาม
เป็นที่มาของการที่ผู้บริหารสโมสรส่งตัวเขาเข้ารับการผ่าตัดอย่างเร่งด่วนเมื่อวันที่ 29 มกราคม ซึ่งผลการผ่าตัดเป็นไปได้ด้วยดี
แต่คุณหมอกลับไม่มีคำตอบเรื่องกำหนดคืนสนามให้กับชนัตพล
“หลังจากผ่าตัดก็ต้องไปพบหมอเดือนละครั้งครับ เช็คกล้ามเนื้อ เช็คเข่าว่า เริ่มกลับเข้าที่หรือยัง?
หลังจากนั้นหมอก็จะให้โปรแกรมสำหรับการเทรนนิ่ง และทำฟิตเนสมาดูแลตัวเอง”
“อย่างเดือนแรกก็เป็นการบริหารโดยเตะเข่าพับไปข้างหลังอย่างเดียวกับเหล็กประมาณ 10 กิโลกรัม คือไม่เน้นน้ำหนัก แต่ให้กล้ามเนื้อได้ยืดหยุ่น
ได้ขยับหัวเข่าไปเรื่อยๆ หลังจากนั้นก็จะตามสเต็ปในแต่ละเดือน มีการเพิ่มน้ำหนักเหล็ก เพิ่มท่าบริหาร เพิ่มการทำสควอช อีกหลายท่าเลยครับ
ซึ่งพอกลับมาที่สโมสรก็จะมีนักกายภาพที่ดูแลผมในแต่ละขั้นตอน”
“พอเข้าสู่เดือนพฤษภาคม ผมก็ได้รับอนุญาตให้ออกวิ่ง ได้สัมผัสกับลูกบอล ได้แปบอล ได้กลับสู่สนามหญ้า แล้วในเดือนมิถุนา
ก็จะได้ทำในส่วนของการเรียกพละกำลัง กระดูกสูง วิ่งสปีด ซอยขาเร็วๆ ได้ออกแรงยิงประตูบ้างแล้วครับ”
“วันที่ 23 นี้ก็จะได้ให้คุณหมอเช็คอีกทีว่า สภาพกล้ามเนื้อผมพัฒนาใกล้จะ 100% หรือยัง? โดยส่วนตัวคิดว่า
คุณหมออาจจะยังไม่อนุญาตให้ซ้อมเต็มที่ อาจจะเพิ่มโปรแกรมให้หนักขึ้นกว่าเดิม สำหรับผมเองก็ไม่กล้าตัดสินใจด้วยตัวเอง
เพราะคุณหมอจะย้ำเป็นพิเศษว่า อย่ารีบนะ อย่าทำอะไรที่หมอไม่บอก เพราะผมก็อายุ 30 ปีแล้ว ถ้าบาดเจ็บซ้ำอีกจะฟื้นฟูยากกว่านี้
นี่คือโชคดีที่ร่างกายผมไม่เคยบาดเจ็บหนักมาก่อนเลย ทำให้การฟื้นฟูทำได้รวดเร็ว”
ตลอดระยะเวลาที่หายหน้าไปจากสนามหญ้า แต่เก็ตไม่เคยไกลห่างจากสนามเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา
ยังคงต้องมาฟิตเนส และฝึกซ้อมตามโปรแกรม และให้นักกายภาพบำบัดของทีมคอยดูแลวัดกล้ามเนื้อ และประมวลผลว่า
มีส่วนไหนขาดหรือเกิน และต้องปรับโปรแกรมการออกกำลังกายอย่างไร?
“ผมตั้งเป้าไว้ว่า ต้นเดือนกรกฎาคมนี้ก็น่าจะกลับมาลงสนามได้แล้ว แต่คุณหมอเขายังไม่อนุมัติครับ
แม้คุณหมอจะยอมรับว่าผมหายจากอาการบาดเจ็บได้เร็วกว่าปกติ แต่ยังกำชับไม่ให้รีบกลับมาลงสนามเองเด็ดขาด ส่วนในเรื่องกล้ามเนื้อต่างๆ
ทางนักกายภาพของทีมบอกว่า มีความพร้อมมากพอที่จะฝึกซ้อมเต็มรูปแบบแล้วครับ รอแค่ให้หมออนุญาตเท่านั้น”
“โค้ชยังไม่ได้มาเร่งให้ผมคืนสนามเลยครับ ทั้งหมดนี้คือหมอเป็นคนอนุญาตให้ทำทั้งหมดครับ”
#อาการบาดเจ็บกลายเป็นปริญญาอีกใบของมหาบัณฑิตรายนี้
เป็นธรรมดาสำหรับคนที่ประสบปัญหาใหญ่ในชีวิตที่นอกจากจะต้องต่อสู้ด้วยร่างกายแล้ว จิตใจก็เป็นเรื่องสำคัญ
และด้วยอาชีพนักฟุตบอลแล้ว อาการบาดเจ็บหนักถือเป็นปัญหาและความเสี่ยงขั้นสูงที่อาจส่งผลให้ต้องยุติเส้นทางลูกหนังไปโดยปริยาย
“ระยะแรกที่เจ็บคือ ผมมีเป้าหมายเดียวเลยว่า จะรีบรักษาตัวเองให้หาย อยากกลับมาลงสนามให้เร็วที่สุด เพราะทางสโมสรทั้งทีมสต๊าฟ
และผู้บริหาร ทุกคนดูแลผมเป็นอย่างดี ทำให้ผมอยากที่จะตอบแทนพวกเขา”
“ในมุมของผมเอง จากที่เคยได้ลงเล่นสม่ำเสมอมาตลอดตั้งแต่อยู่โคราชมา กลายมาเป็นได้แค่ดูเกมข้างสนาม จากใจจริงเลยคือ
ไม่อยากมาสนามหรอกครับ มันอึดอัดในใจ แต่ผมคิดว่า ถ้าผมจะช่วยอะไรทีมได้ อย่างน้อยที่สุดคือมาเป็นกำลังใจ มาส่งกำลังใจที่ขอบสนาม ผมก็อยากทำให้เต็มที่ที่สุดครับ”
“ช่วงที่เจ็บไปผมไม่เคยขาดจากสนามเลย ไม่ว่าจะซ้อมหรือจะแข่ง จะมีบ้างในนัดเยือนที่ถ้าเราไปก็อาจจะเป็นภาระของเพื่อนในทีม”
“ตอนเจ็บแรกๆ ก็มีซึมๆ ครับ แต่ที่ผ่านมาได้เพราะเรามองถึงเคสของคนอื่นๆ ว่า มีคนที่เขาหนักกว่าเราตั้งเยอะ เขาก็ยังสู้จนหายเจ็บได้
เลยเป็นกำลังใจให้ผมสู้ต่อมาตลอดครับ”
“อย่างบางช่วงที่เพื่อนร่วมทีมต้องไปเล่นเกมเยือนต่อเนื่อง ผมก็จะมีแค่ซ้อมเช้าที่ฟิตเนส แล้วมีเวลาว่างก็จะไปทำบุญ ปล่อยนก ปล่อยปลา เพื่อให้สภาพจิตใจดีขึ้น”
“ผมเลยจัดกิจกรรมทอดผ้าป่าช่วย คุณครูไพฑูรย์ ณ น่าน โรงเรียนไตรมิตรวิทยา อำเภอเชียงกลาง จังหวัดน่าน เป็นโรงเรียนที่ผมเรียนตั้งแต่สมัยประถม
เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมรู้จักฟุตบอล ผมเริ่มเตะฟุตบอลด้วยเท้าเปล่าจากที่นี่ เป็นโรงเรียนที่ห่างออกไปจากตัวจังหวัดเกือบ 75 กิโลเมตร”
“โดยปกติผมก็จะมีจัดกิจกรรมเอาเสื้อผ้า อุปกรณ์กีฬา ไปให้น้องๆ เป็นประจำทุกปีอยู่แล้ว แต่ปีนี้คุณครูได้สร้างอาคารอเนกประสงค์
แต่ยังขาดงบประมาณบางส่วนที่จะทำให้อาคารเสร็จสมบูรณ์ ผมเลยจัดกิจกรรมตรงนี้ไปช่วยเหลือ ได้เงินมาหลักแสนครับ
ก็ทำให้อาคารเสร็จได้ อยู่ระหว่างดำเนินการสร้างต่อไปครับ”
มหาบัณฑิตคณะรัฐประศาสนศาสตร์ ที่กำลังดำเนินเรื่องศึกษาต่อในระดับปริญญาเอกในสาขาเดียวกัน เปรียบเทียบอาการบาดเจ็บครั้งนี้ เป็นเสมือนปริญญาในการใช้ชีวิต
“สำหรับอาการบาดเจ็บครั้งนี้ ผมมองว่า ผมได้รับอะไรหลายอย่างเลยครับ ทั้งประสบการณ์ที่ไม่เคยได้รับบาดเจ็บหนักมาก่อน
ได้เรียนรู้การให้กำลังใจตัวเอง การดูแลตัวเอง และที่สำคัญเลยคือความอดทนและความพยายามครับ เป็นคติสอนใจที่ดีเลยครับว่า ทุกสิ่งล้วนเกิดขึ้นแล้วอยู่ที่เราจะรับมือให้ได้อย่างไร”
#ทุกคนคือฟันเฟืองของสวาทแคท
ประเด็นสำคัญที่แฟนบอลสวาทแคทตั้งความหวังให้เขากลายเป็นจิ๊กซอว์สำคัญที่ช่วยเติมเต็มตำแหน่งกองกลางตัวรุกของสวาทแคท
เพื่อช่วยให้ทีมสร้างผลงานที่ดีไปมากกว่านี้ เจ้าตัวมองว่า
“จริงๆ ทรัพยากรในทีมเรามีหลายคนที่เล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรุกได้ครับ การขาดหายไปของผมคงไม่ใช่ตัวแปรสำคัญ
ผมว่าสิ่งสำคัญคือพวกเราทุกคนต้องพยายามฝึกซ้อมให้ถึงในจุดที่โค้ชต้องการให้ได้ เพราะในตำแหน่งนั้นของสนามเป็นจุดเดียวที่เรายังทำไม่ได้”
“แต่อันที่จริงทุกตำแหน่งในสนามต่างก็เป็นฟันเฟืองของกันและกันอยู่แล้วครับ ไม่ได้มีใครสำคัญกว่ากัน ถ้าเราช่วยกันวิ่งทีมก็จะเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้
แต่ถ้ามีเฟืองตัวไหนสะดุดไปก็อาจทำให้ทีมเสียกระบวน แม้ผมจะเสียดายโอกาสที่อยากจะลงไปช่วยทีม แต่ผมก็มั่นใจในตัวเพื่อนร่วมทีมทุกคนว่า
ต่างก็เป็นฟันเฟืองที่ทำให้ทีมมีผลงานที่น่าพอใจอยู่ในตอนนี้ครับ”
#ใจแลกใจ_สวาทแคทและเก็ตโด้
สิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้ทุกคนต่อสู้ปัญหาต่อไปได้คือ“กำลังใจ” ซึ่งน่าจะเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เก็ตโด้หมั่นดูแลตัวเองตลอดเวลา จนทำให้ผลการฟื้นฟูร่างกายเป็นที่น่าพอใจ
“ช่วงแรกๆ พี่เหลิม (เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว) จะคอยดูแลไปรับ-ส่งกินข้าวช่วงพักรักษาตัวที่กรุงเทพ เพราะเป็นช่วงเดียวกับที่พี่เขาไปเก็บตัวทีมชาติไทยเสร็จพอดี
ทางผู้บริหารเองก็อนุมัติให้ผ่าตัดทันที รวมถึงดูแลผมเป็นอย่างดีทั้งก่อนและหลังผ่าตัด เวลาที่ต้องไปพบคุณหมอก็จะให้เจ้าหน้าที่ทีมดูแลเรื่องการเดินทางให้
และยังคอยถามไถ่ถึงพัฒนาการของอาการบาดเจ็บ ให้กำลังใจ ดูแลสภาพจิตใจ อย่างเวลาทีมไปเยือนก็อนุญาตให้ผมเดินทางไปกับทีมด้วย
ทั้งที่ผมไม่สามารถช่วยเหลืออะไรทีมได้ เพื่อให้ผมไม่เครียดและมีส่วนร่วมกับทีมตลอดเวลา”
“แฟนบอลก็เป็นอีกส่วนสำคัญที่คอยให้กำลังใจผม คือที่ผมอยากมาสนามเป็นประจำส่วนนึงก็เพราะแฟนบอลนี่แหละครับ เหมือนเรามาให้กำลังใจกันและกัน
เราต่างคิดถึงกัน แฟนบอลจะถามไถ่ผมในเฟซบุคเสมอว่า เป็นยังไง ใกล้กลับมาลงสนามหรือยัง? ซึ่งที่ผมพยายามอัพรูปออกกำลัง รูปซ้อมบ่อยๆ ก็เพื่อเป็นการสื่อสารกับทุกคนครับ”
“ทั้งหมดที่ทุกคนดูแลผมแบบนี้เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผมยังอยู่กับทีมจนถึงตอนนี้ครับ แม้ก่อนหน้านี้จะมีทีมใหญ่เสนอสัญญาที่ดีเข้ามา แต่ผมก็ปฏิเสธไป เพราะใจผมอยู่ที่โคราชแล้ว”
ก่อนที่ขวัญใจคนโคราชจะทิ้งท้ายการสนทนาด้วยน้ำเสียงที่มุ่งมั่นว่า “ผมจะพยายามกลับมาลงสนามให้เร็วที่สุด และจะพยายามช่วยทีมสวาทแคทให้ได้มากที่สุดครับ”
เครดิต : นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี