ทำไมโค้งสุดท้ายทีมหนีตกชั้นถึงไม่ควรเปลี่ยนโค้ชจากสื่อกลางฟุตบอลไทย
เขาตั้งใจจะเปลี่ยนอยู่แล้วบอร์ดบริหารสวาทแคท โดย วรวีร์ มะกูดี ประธานบริหารสโมสร ตั้งใจที่จะนำทีมงานของตนเองเข้ามาจัดการทีมแบบ 100% ซึ่งบังยีเองก็รอจังหวะที่จะเปลี่ยนแปลงในส่วนของผู้ฝึกสอน เพียงแต่ยังหาจังหวะเวลาที่เหมาะสมไม่ได้ เพราะธีระศักดิ์ โพธิ์อ้น ก็ทำผลงานได้ค่อนข้างดี ทั้งในลีกเลคแรก และบอลถ้วยเอฟเอคัพ ที่นำทีมเข้าถึงรอบรองฯ ที่สำคัญคือโค้ชโจ ถือเป็นบุคคลที่แฟนบอลโคราชรักและศรัทธาสูง ทำให้ผู้บริหารต้องหาช่องทางเหตุผลในการค่อยๆ บีบให้โค้ชทำงานลำบาก จนแสดงสปิริตลาออก
ผู้บริหารชุดนี้ชอบแรงกระแทกเสียงสะท้อนของแฟนบอล หลังจาก ธีระศักดิ์ โพธิ์อ้น ลาออกจากการกุนซือสวาทแคท ส่วนใหญ่เป็นไปในทางโจมตีวิธีการแนวคิดของบอร์ดที่ตัดสินใจบีบจนโค้ชโจตัดสินใจลาออกในช่วงนี้ ซึ่งหลายคนมองว่า ไม่ใช่ช่วงที่เหมาะสมเท่าใดนัก เนื่องจากทีมยังอยู่ในสถานการณ์หนีตกชั้น ควรให้ทีมงานชุดเดิมได้ทำทีมให้ต่อเนื่องจนจบฤดูกาลก่อน
บอร์ดบริหารไม่เลือกความต่อเนื่องสิ่งหนึ่งที่เห็นตั้งแต่โค้ชโจเข้ามารับงานคุมทีม คือพยายามวางโครงสร้างและปรับทีมในกลมกล่อมลงตัวมากที่สุด ทั้งการปรับทัศนคติของผู้เล่นซีเนียร์มีอิทธิพลต่อทีมสูง ให้เป็นผู้นำน้องๆ ในทีม ร่วมถึงการร่วมหัวจมท้ายสุขด้วยกันเศร้าด้วยกัน อีกทั้งยังช่วยวางโครงสร้างพัฒนาเยาวชนในจังหวัด จนเริ่มเห็นผลผลิตจากเด็กๆ ในอะคาเดมี่ขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ ซึ่งความสำเร็จเหล่านี้อาจจะยังไม่ชัดเจนเท่าไร เนื่องด้วยทุกอย่างต้องมีเรื่องของปัจจัยด้านงบประมาณและระยะเวลาเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ทีมงานบริหารชุดปัจจุบันเลือกที่จะเปลี่ยนแนวทางการเดินอีกครั้ง
โคราชคือจังหวัดที่น่าอิจฉา แต่บอร์ดบริหารชอบล้อเล่นกับความรู้สึกของแฟนบอลครั้งหนึ่งสวาทแคทเคยใช้คนในจังหวัดเป็นผู้จัดการทีม เช่น วัชรพล โตมรศักดิ์ ซึ่งก็พาทีมทำผลงานได้ดี เลื่อนชั้นสู่ไทยลีก แฟนบอลเต็มสนาม มีความเป็นกันเอง สื่อสารกับแฟนบอลต่อเนื่อง จนเปลี่ยนมาเป็นเทวัญ ลิปตพัลลภ ที่ให้สิทธิ์ทีมงานโค้ชได้ทำงานกันอย่างเต็มที่ไม่มีการแทรกแซงการทำงานในสนาม ถือว่าช่วงนั้นแฟนบอลโคราชดูมีความสุขในการติดตามเชียร์ทีม ถ้าพูดตามมุมมอง องค์ประกอบหลายๆ ส่วนของโคราชดีกว่าทีมอย่างบุรีรัมย์และน่าจะดีที่สุดในประเทศไทยด้วยซ้ำ
ถ้าจะเปลี่ยนควรมีช่วงเวลาให้ปรับทีม ถ้าเปลี่ยนหลังจากจบฤดูกาล ก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องน่าสงสัยอะไร แต่การเปลี่ยนม้าในช่วงศึกสำคัญเช่นนี้ โดยทั่วไม่ค่อยมีที่ไหนทำ แล้วอย่างยิ่งการที่คนที่จะเข้ามาคุมทีมในช่วงโค้งสำคัญไม่เคยรู้จักทีม นักเตะ แฟนบอล และไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับฟุตบอลไทยเลยถือเป็นเรื่องที่น่าห่วงอย่างยิ่ง เมื่อช่วงกลางฤดูกาล บุรีรัมย์เคยเปลี่ยนจาก อเล็กซานเดอร์ กาม่า เป็น อิชิอิ ในช่วงนั้นเป็นการพักเบรกไทยลีก ทำให้ อิชิอิ มีเวลาเข้ามาเตรียมทีมร่วมเดือน และที่สำคัญ อิชิอิ รู้จักนักเตะบุรีรัมย์ และฟุตบอลไทยเป็นอย่างดี ต่างจาก เควิน แบล็คเวลล์ กุนซือชาวอังกฤษ ที่กำลังจะเข้ามาเป็นแม่ทัพรายใหม่ของสวาทแคท
โค้ชคนใหม่ ไม่ง่ายที่จะรวมใจนักเตะร้อยทั้งร้อย นักฟุตบอลโคราช รักและศรัทธาในตัวโค้ชโจ ที่เปรียบเสมือนพี่ชายคนนึงที่ได้ร่วมงานกัน และด้วยความเป็นมืออาชีพ นักเตะทุกคนต้องรีบมูฟออนกลับมาทุ่มเทในช่วงโค้งสำคัญให้ดีที่สุด แต่ก็ไม่ใช่งานง่ายที่โค้ชคนใหม่จากเมืองผู้ดีจะรวมใจนักเตะให้เป็นปึกแผ่นในช่วงสถานการณ์แบบนี้
มีการแทรกแซงแนวทางผู้บริหารกับสตาฟฟ์โค้ชไม่ตรงกัน ข่าวลือต่างๆ นานา หลังจากการเข้ามาของบังยี และได้นำ มร.คริส นักวิเคราะห์เกมชาวต่างชาติเข้ามาด้วย แต่ในเรื่องของการประสานงาน มร.คริส ไม่ได้มีการประสานงานกับทีมงานสตาฟฟ์ของโค้ชโจเท่าใดนัก แม้กระทั่งการเข้ามาของ ชาร์ลี คลัฟ กองหลังชาวอังกฤษ โค้ชโจ ซึ่งเป็นเฮดโค้ชของทีม ก็ไม่ทราบว่ามีการเซ็นสัญญานักเตะรายนี้เข้าสู่ทีม จนทำให้โคราชต้องถอด มาร์โก ซาฮาเน็ค กองกลางตัวปั้นเกม ที่เป็นเหมือนหัวใจในระบบการเล่นของโคราช ออกจากทีม เนื่องด้วยการส่งรายชื่อโควต้านักเตะต่างชาติ จนทำให้หลายครั้งโค้ชโจ ต้องปรับวิธีการเล่นเป็นการใช้ 3 เซนเตอร์แบ็ก ซึ่งไม่ใช่รูปแบบการเล่นที่โคราชถนัด และการขาดจอมทัพตัวปั้นเกมอย่างซาฮาเน็ค ก็เป็นจุดสำคัญที่ทำให้ฟอร์มการเล่นของทีมแกว่งหนักกว่านั้น เคยมีข่าวลือว่า มีหมายเลขโทรศัพท์นิรนาม โทรหาโค้ชอยากให้เปลี่ยนคนนั้นคนนี้ จัดทีมแบบนั้นแบบนี้ จนโค้ชต้องใช้วิธีการ ไม่รับโทรศัพท์ เพราะอยากใช้แนวทางการทำทีมของตัวเอง
ต้องการลาออก หรือถูกบีบให้ออกเหตุการณ์ในห้องประชุม (อ้างจากบทสนทนาในรายการ) เริ่มด้วยคำถามที่ว่า “ไม่อยากให้ถึงวันนี้เลย ” แค่นี้โค้ชโจ ก็พอที่จะรู้ชะตาแล้วว่าจะต้องทำอย่างไรต่อจากนี้
น้องแมว สื่อกลาง สโมสรกับแฟนบอลทุกข้อคิดเห็นจากแฟนบอลทั้งสิ่งดีและปัญหา ยังมีผู้ใหญ่ในทีมที่คอยรับฟังและเป็นห่วงทีมเสมอ ซึ่งล่าสุดทีมโค้ชและนักเตะ ฝากขอบคุณความรักและหวังดีที่แฟนบอลโคราชมอบให้และคอยอยู่เคียงข้างทีมมาโดยตลอด ซึ่งน้องแมวเพจสโมสร Nakhonratchasima FC จะขอเป็นสื่อกลางระหว่างสโมสรกับแฟนบอล เพื่อวงการกีฬาโคราชต่อไป

*** ภาพ / ข่าว : สวาทแคท นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี / KORAT24H